Page 11 -
P. 11
11
“เรียนรูดวยตนเอง
เพอพฒนาทกษะในอนาคต”
ั
่
ื
ั
ิ
ิ
ั
ปจจุบันเรามักได้ยนคําว่า “วทยากรกระบวนการ”
ี
(Facilitator) ทจะพัฒนาเรืองยาก ๆ ให้ดูง่ายผ่าน เร องที สี องค์กรควรปลูกฝงเรือง Learn>Unlearn
ั
ื
ี
กระบวนการถามหรือให้ผู้เรียนคิด และยังมนักพัฒนาใน >Relearn ความร้ไหนในองค์กรทมแนวโน้มว่าจะใช้ไม่ได้
ู
ี
ี
ี
อกหลาย ๆ บทบาท เช่น Learning Designer, Learning เพราะความร้”มวันหมดอายุ” หมายถึงว่า ความร้ในอดตอาจจะ
ู
ี
ี
ู
Architecture แตกต่างกันไปในแต่ละบทบาท ดังนั นทเรา ใช้ไม่ได้แล้วกับปจจุบัน และไม่ได้เหมาะสําหรับในอนาคต เช่น
ี
ั
ต้องระลึกไว้คือ “บทบาทใดเหมาะกับการพัฒนาแบบใด” การเรียนร้รปแบบ Flipped Classroom คอให้พนักงานศึกษา
ู
ื
ู
ิ
ู
็
เร องที สาม ควรจะขยาย Training สู่ Learning สู่ หาความร้นอกห้อง ส่วนในห้องจะเปนการจัดกจกรรมโดยนํา
ื
ื
Lifelong Learning Case Study มาคุยกัน เสมอนนําการบ้านมาทําในห้องเรียน
ู
ี
ี
ิ
ซึงวธ Flipped Classroom น เปลียนรปแบบการคิดในการ
ั
ุ
หลาย ๆ องค์กรอนญาตให้พนกงานเลือกการ พัฒนาพนักงานแบบเดิมทเริมจากความร้ในห้อง
ู
ี
ั
ื
เรยนรู้ในรูปแบบที พนกงานสนใจ อาจจะเกี ยวหรอ
ี
ี
ี
ไมเกี ยวของกบงานก็ได้ ในทน ผมขอใช้คําว่า Lifestyle ดังนั นองค์กรจะต้องสร้างการพัฒนาทักษะในอนาคต
่
้
ั
ื
Learning เพราะทุกการเรียนร้พัฒนาทักษะและเสริมการ (Future Skill Learning) เพอรองรับกับการเปลียนแปลง สิงท ี
ู
ี
ื
ทํางานทั งสิ น เพียงแค่คุณให้ผู้เรียนตกผลึกสิ งที เขาได้เรียน เราต้องระลึกไว้คอ “พนักงานสามารถหาวิธที เรียนรู้ด้วยตนเอง
ู
ื
ร้แล้วเชอมโยงกับการพัฒนางาน เพื อพัฒนาทักษะในอนาคต”
ี
“การพัฒนาไมไดรักษาดวยยาขนานเดยว”